Hypersthene

Physical Properties

• สูตรเคมี: (Mg,Fe)SiO₃

• ความแข็ง: 5 - 6

• ระบบผลึก: ออร์โธรอมบิก (Orthorhombic)

• ประกาย: กึ่งโลหะถึงแก้ว (Sub-metallic to vitreous)

• สี: น้ำตาลเข้ม ดำ หรือเทาเข้ม พร้อมประกายสีเงิน (หรือทองแดง)

• ความโปร่งแสง: ทึบแสงถึงโปร่งแสงเล็กน้อย

• แนวแตกเรียบ: มีแนวแตกเรียบที่ชัดเจนในทิศทางเดียว

• การเกิด: ไฮเปอร์สทีนก่อตัวขึ้นในหินอัคนีและหินแปร มักพบร่วมกับแร่ เช่น Bronzite และ Enstatite ลักษณะประกายเงาคล้ายโลหะ ซึ่งเรียกว่า Schiller Effect เกิดจากแสงสะท้อนกับโครงสร้างผลึกที่เป็นชั้น ๆ

ประวัติและการค้นพบครั้งแรก ไฮเปอร์สทีนถูกพูดถึงครั้งแรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ชื่อมาจากภาษากรีก "hyper" (เหนือกว่า) และ "sthenos" (ความแข็งแกร่ง) ซึ่งหมายถึง "พลังที่เหนือกว่า" อยู่ในกลุ่ม Enstatite-Ferrosilite ในตระกูลแร่ Pyroxene แหล่งแร่ไฮเปอร์สทีนถูกค้นพบในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ กรีนแลนด์ รัสเซีย และสามารถพบได้ในอียิปต์ ด้วยประกายเงางามแบบโลหะและสีเข้มที่ดูหรูหรา ทำให้ถูกนำมาใช้ทั้งใน เครื่องประดับและการปฏิบัติทางจิตวิญญาณ

ความเชื่อส่วนบุคคล ไฮเปอร์สทีนเป็นที่รู้จักในฐานะ "หินแห่งการไตร่ตรองและพลังภายใน" โดยมีพลังที่แข็งแกร่งแต่สงบนิ่ง ช่วยส่งเสริมการค้นพบตนเอง ความสมดุลทางอารมณ์ และความชัดเจนทางความคิด มีพลังสอดคล้องกับ Third Eye Chakra และ Root Chakra ทำให้จิตใจสงบ ลดความเครียดและความวิตกกังวล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับความคิดที่วุ่นวายและต้องการความแน่วแน่ในการตัดสินใจ ช่วยให้เกิดความนิ่งภายในและความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ทำให้สามารถมองเห็นความจริงได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมการทำสมาธิ การพัฒนาสัญชาตญาณ และความสามารถในการแก้ปัญหาได้อีกด้วย

วิธีทำความสะอาดและดูแล ควรหลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้ความแวววาวลดลง แนะนำให้ใช้ผ้านุ่มแห้ง เช็ดทำความสะอาดเพื่อรักษาความเงางามตามธรรมชาติ สามารถคลีนพลังงานโดยใช้ควันธูป เสียงสั่นสะเทือน หรือแสงจันทร์ และที่สำคัญควรเก็บแยกจากหินที่แข็งกว่าเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนด้วยนะคะ