Calcite

แคลไซต์ (Calcite)

แคลไซต์เป็นหนึ่งในแร่ที่พบมากและหลากหลายที่สุดบนโลก มีความโดดเด่นด้วยสีสัน รูปแบบผลึก และคุณสมบัติทางแสงที่แตกต่างกันไปอย่างกว้างขวาง เป็นองค์ประกอบหลักของหินปูนและหินอ่อน มีบทบาทสำคัญทั้งในกระบวนการทางธรณีวิทยาและอุตสาหกรรมชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะแคลไซต์ชนิดใสที่เรียกว่า “ไอซ์แลนด์สปาร์” มีค่าทางออปติคสูงเนื่องจากคุณสมบัติ Double Refraction ทำให้เป็นที่นิยมในงานวิทยาศาสตร์และอัญมณีศาสตร์ ในเชิงพลังงาน แคลไซต์ถือเป็นหินแห่งการชำระล้างและการขยายพลัง เสริมความชัดเจนและสมดุลทั้งด้านร่างกายและอารมณ์อีกด้วย

Physical Properties

• สูตรเคมี: CaCO3

• กลุ่มแร่: Calcite

• ระบบผลึก: Trigonal

• ความแข็ง: 3

• ความถ่วงจำเพาะ: 2.7

• สี: ใสไร้สี ขาว เทา เหลือง ส้ม เขียว ฟ้า ชมพู แดง น้ำตาล ดำ

• ความโปร่งแสง: โปร่งใส - ทึบแสง

• ประกาย: แก้ว - มุก

• แนวแตกเรียบ: สมบูรณ์ในสามทิศทาง (สามารถแตกแยกชิ้นได้ง่าย โปรดระวัง)

• การเกิด: แคลไซต์เกิดขึ้นได้จากหลายกระบวนการทางธรณีวิทยา ทั้งในสภาพแวดล้อมตะกอน การแปรสัณฐาน และไฮโดรเทอร์มอล โดยมีองค์ประกอบหลักคือ แคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งสามารถตกผลึกภายใต้เงื่อนไขทางเคมีและกายภาพที่แตกต่างกัน เช่น การตกตะกอนจากน้ำที่อุดมด้วยแคลเซียมและคาร์บอนไดออกไซด์ในทะเลหรือในถ้ำ ทำให้เกิดหินปูนหรือหินงอกหินย้อย ส่วนในกระบวนการแปรสัณฐาน แคลไซต์จะเกิดจากการตกผลึกใหม่ของหินปูนกลายเป็นหินอ่อน และในระบบไฮโดรเทอร์มอล แคลไซต์สามารถตกผลึกจากของไหลร้อนที่อุดมด้วยแร่ธาตุภายในรอยแตกของหินได้เช่นกัน

แคลไซต์อยู่ในระบบผลึก trigonal ซึ่งเอื้อต่อการเกิดรูปร่างผลึกได้มากกว่า 800 แบบ เช่น รูปข้าวหลามตัด (rhombohedral) รูปเขี้ยว (scalenohedral หรือ “dogtooth spar”) หรือรูปแท่งยาว (prismatic) ความหลากหลายของรูปผลึกนี้เกิดจากความแตกต่างเล็กน้อยของอุณหภูมิ ความดัน องค์ประกอบทางเคมี และพื้นที่ในการตกผลึก นอกจากนี้ สีของแคลไซต์ยังแปรผันตามสิ่งเจือปนในเนื้อแร่ เช่น เหล็ก แมงกานีส หรือโคบอลต์ ทำให้เกิดสีส้ม ชมพู หรือแดง การปนของทองแดงให้สีเขียวหรือฟ้า และการมีสารอินทรีย์หรือออกไซด์ของเหล็กให้สีน้ำตาลหรือดำ ส่วนแคลไซต์บริสุทธิ์จะไม่มีสีหรือเป็นสีขาว ความยืดหยุ่นทางเคมีและความไวต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ทำให้แคลไซต์เป็นหนึ่งในแร่ที่มีความหลากหลายที่สุดในโลกค่ะ

ประวัติและการค้นพบครั้งแรก ชื่อ “Calcite” ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1845 มาจากภาษาละตินคำว่า calx หมายถึง “ปูนขาว” สื่อถึงองค์ประกอบหลักที่เป็นแคลเซียมคาร์บอเนต แคลไซต์เป็นที่รู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณจากการนำมาใช้ผลิตปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และในเครื่องมือทางออปติค แคลไซต์ใสจากไอซ์แลนด์ หรือ “Iceland Spar” เคยถูกใช้ในงานทดลองทางแสงยุคแรก ๆ เพื่อศึกษาปรากฏการณ์การหักเหแสง (Birefringence) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการค้นคว้าเรื่องการโพลาไรซ์ของแสง

ความหมาย แคลไซต์เป็นที่รู้จักกันในนาม "หินแห่งการขยายพลังงานและการชำระล้าง" เชื่อกันว่าจะช่วยเพิ่มพลังงาน ขจัดพลังงานด้านลบ และเสริมสร้างความชัดเจนทางความคิด นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับการเยียวยาทางอารมณ์ การสร้างแรงบันดาลใจ และการพัฒนาทางจิตวิญญาณ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลภายในและการเติบโตของตนเอง แคลไซต์แต่ละสีมีพลังงานที่เชื่อมโยงกับจักระที่แตกต่างกัน ดังนี้

• แคลไซต์ใส/ขาว ช่วยเพิ่มความชัดเจนทางความคิดและขจัดพลังงานที่ติดขัด

• แคลไซต์ส้ม/เหลือง เสริมความมั่นใจ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงจูงใจ

• แคลไซต์เขียว ส่งเสริมการเยียวยาทางอารมณ์และเปิดจักระหัวใจ

• แคลไซต์ฟ้า ช่วยให้ผ่อนคลาย ส่งเสริมการสื่อสารและสัญชาตญาณ

• แคลไซต์ชมพู สนับสนุนความรักตนเอง ความเมตตา และการเยียวยาทางอารมณ์

หมายเหตุ: คุณสมบัติเหล่านี้เป็นความเชื่อในวงการคริสตัล ยังไม่มีการรับรองทางการแพทย์

วิธีทำความสะอาดและดูแล แคลไซต์เป็นแร่ที่ค่อนข้างนุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการขีดข่วน การสัมผัสกรด น้ำส้มสายชู หรือสารเคมีรุนแรง สามารถเช็ดทำความสะอาดอย่างเบามือด้วยผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ห้ามแช่น้ำ หลีกเลี่ยงการใช้อัลตราโซนิกหรือเครื่องอบไอน้ำ

• การเก็บรักษา: เก็บแยกจากหินแข็งอื่นเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน

• การชำระล้างพลังงาน: วางบนเซเลไนต์หรือควอตซ์ใสข้ามคืน ใช้เสียงเบา ๆ จากชามทิเบตหรือลูกกระพรวน ใช้ควันจากเสจหรือธูปหอม หลีกเลี่ยงการชำระด้วยน้ำเกลือ เพราะแคลไซต์ทำปฏิกิริยากับน้ำและเกลือได้ง่าย

References:

Mindat - Calcite

Mindat - Honey Calcite

Wikipedia - Calcite

กรมทรัพยากรธรณี - แคลไซต์

*ข้อมูลอาจมีการอัพเดทเพิ่มเติมในอนาคต