Selenite

เซเลไนต์ (Selenite)

เซเลไนต์ คือแร่ยิปซัมชนิดหนึ่ง (CaSO₄·2H₂O) ที่มีลักษณะโปร่งใสถึงกึ่งโปร่งแสง เป็นแร่ซัลเฟตเนื้อนุ่มที่ประกอบด้วย calcium sulfate dihydrate ก่อตัวขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีการระเหยของน้ำ เช่น ทะเลสาบเกลือ ถ้ำ และชั้นตะกอน มักพบในรูปของผลึกขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างสมบูรณ์ 

เซเลไนต์มีความแวววาวแบบมุก (pearly) หรือแบบแพรไหม (silky) มีแนวแตกเรียบที่ชัดเจน และสามารถขีดเป็นรอยได้ง่ายด้วยเล็บมือ (ค่าความแข็งตาม Mohs อยู่ที่ 2) ชื่อ "Selenite" มาจาก ภาษากรีกคำว่า "selēnē" ซึ่งแปลว่า "ดวงจันทร์" เนื่องจากแร่ชนิดนี้มีลักษณะที่เรืองรองและเปล่งประกายอ่อน ๆ คล้ายแสงจันทร์นั่นเอง

ประเภทของเซเลไนต์ เซเลไนต์มีหลายรูปแบบที่แตกต่างกันตามลักษณะโครงสร้างผลึกและสภาพแวดล้อมที่ก่อตัว

• เซเลไนต์ (Selenite - รูปแบบคลาสสิก) มีลักษณะโปร่งใสถึงกึ่งโปร่งแสง พร้อมความแวววาวแบบแก้วหรือแบบซาติน มักพบเป็นผลึกขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างสมบูรณ์ นิยมใช้ในการบำบัดพลังงาน การทำสมาธิ และเป็นของตกแต่ง

• ซาตินสปาร์ (Satin Spar) เป็นชนิดที่มีเนื้อเส้นใยและมีความแวววาวแบบมุกหรือแบบแพรไหม มักมีสีขาวหรือสีอ่อน ๆ พร้อมเส้นใยผลึกขนานกัน มีเอฟเฟกต์ "ตาแมว" (Chatoyancy) เมื่อนำไปขัดเงา นิยมนำมาแกะสลักเป็นแท่งหรือหินขัดเงา

• กุหลาบทะเลทราย (Desert Rose) มีลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ เกิดจากผลึกยิปซัมที่ผสมกับเม็ดทราย พบในสภาพแวดล้อมทะเลทราย จากกระบวนการระเหยของน้ำและลม มีรูปร่างเป็นชั้นซ้อนกันคล้ายกลีบดอกไม้

• ยิปซัมฟลาวเวอร์ (Gypsum Flower) ผลึกบาง ๆ คล้ายกลีบดอกไม้ ก่อตัวในถ้ำหรือบริเวณที่มีความชื้นสูง อาจมีลักษณะโค้งหรือบิดตัว เนื่องจากกระบวนการตกผลึกอย่างช้า ๆ มักพบร่วมกับแร่ระเหยอื่น ๆ เช่น เฮไลต์ (Halite)

แม้ว่าเซเลไนต์ทุกชนิดจะมีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนกัน (เป็นยิปซัม) แต่แต่ละชนิดจะแตกต่างกันในเรื่องรูปร่างของผลึก สภาพแวดล้อมที่เกิด และพื้นผิวสัมผัส ทำให้แต่ละแบบมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ