ส่งภาพชิ้นที่ต้องการ สั่งซื้อที่ LINE @swanic ได้เลย🛒🤍
สฟาเลอไรต์ (Sphalerite)
สฟาเลอไรต์ (ZnS) มีองค์ประกอบหลักเป็นสังกะสีซัลไฟด์ และอาจมีเหล็ก (Fe) ปะปนในปริมาณที่แตกต่างกัน สีของสฟาเลอไรต์มีตั้งแต่ เหลือง น้ำตาล แดง ไปจนถึงเกือบดำ โดยที่ปริมาณเหล็กที่สูงขึ้นจะทำให้สีเข้มขึ้นและลดความโปร่งใสของแร่ บางครั้งเกิดร่วมกับแร่ชนิดอื่น เช่น กาลีนา (PbS) ไพไรต์ (FeS₂) ฟลูออไรต์ (CaF₂) จุดเด่นของสฟาเลอไรต์คือ การกระจายแสงสูงเป็นพิเศษ (มากกว่าเพชร) ทำให้ตัวอย่างผลึกเดี่ยว ๆ ที่ถูกเจียระไนอย่างดีมีประกายไฟสวยงาม อย่างไรก็ตาม แร่ชนิดนี้มีแนวแตกเรียบแบบโดเดคาเฮดรอล (Dodecahedral Cleavage) ซึ่งทำให้ค่อนข้างเปราะแม้จะดูงดงาม
สฟาเลอไรต์และควอตซ์มักเกิดร่วมกันในสายแร่ไฮโดรเทอร์มอล แหล่งสะสมตะกอน และโพรงก้อนหิน (Geode Cavities) ซึ่งเป็นบริเวณที่สารละลายที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุสะสมตัวเป็นชั้น ๆ ตามกาลเวลา สฟาเลอไรต์จะตกผลึกในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ร่วมกับ สารละลายที่มีซิลิกาสูงซึ่งต่อมาจะตกผลึกกลายเป็นควอตซ์ เมื่อควอตซ์ก่อตัวเป็นชั้นบาง ๆ บนพื้นผิวของสฟาเลอไรต์กลายเป็นผลึกขนาดเล็กที่ระยิบระยับที่เรียกว่า "druzy quartz" กระบวนการนี้เกิดขึ้นเพราะควอตซ์มีค่าการละลายน้ำต่ำกว่าในอุณหภูมิที่เย็นลง ทำให้มักตกผลึกช้ากว่าสฟาเลอไรต์ ในกระบวนการเกิดแร่ ผลลัพธ์ที่ได้คือการผสมผสานที่งดงามของประกายเงาโลหะของสฟาเลอไรต์ ตัดกับความแวววาวของดรูซี่ควอตซ์ ซึ่งทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสม
สูตรเคมี: ZnS
กลุ่มแร่: Sulfide mineral
ระบบผลึก: Isometric
ความแข็ง: 3.5 - 4
ความถ่วงจำเพาะ: 3.9 - 4.1
สี: เหลือง น้ำตาล แดง เขียว ดำ ใสไร้สี (ขึ้นอยู่กับปริมาณ Fe)
ความโปร่งแสง: โปร่งใส - ทึบแสง
ประกาย: เพชร - เรซินยางสน
แนวแตกเรียบ: สมบูรณ์ 6 ทิศทาง (ทำให้นำมาเจียระไนยาก)
การเกิด: สฟาเลอไรต์ มักเกิดในสายแร่ไฮโดรเทอร์มอลหรือรอยแตกในหินที่มีของไหลร้อนซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุไหลผ่าน เมื่อของไหลเย็นลง แร่ธาตุต่าง ๆ รวมถึงสฟาเลอไรต์จะเริ่มตกผลึก ในสภาพแวดล้อมเดียวกันนี้ ถ้าของไหลมีซิลิกาสูง จะสามารถก่อตัวเป็น Druzy Quartz ได้ ซึ่งหมายถึงผลึกควอตซ์ขนาดเล็กละเอียดที่ขึ้นเคลือบบนผิวหน้าของหินหรือแร่ที่เกิดก่อน เช่น สฟาเลอไรต์ เมื่อของไหลเย็นลงเรื่อย ๆ ซิลิกาจะตกผลึกกลายเป็นชั้นบางของควอตซ์ระยิบระยับบนพื้นผิวของสฟาเลอไรต์ ทำให้เกิดลักษณะพิเศษที่มีทั้งความเงาจากสฟาเลอไรต์ และความระยิบระยับละเอียดของดรูซี่ควอตซ์ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มนักสะสมแร่เนื่องจากความงามและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย
ประวัติและการค้นพบครั้งแรก สฟาเลอไรต์ถูกบันทึกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1847 โดยนักแร่วิทยาชาวเยอรมัน Ernst Friedrich Glocker ชื่อมาจากภาษากรีก sphaleros แปลว่า “หลอกลวง” เนื่องจากมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแร่กาลีนา เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกัน แร่ชนิดนี้เป็นแหล่งหลักในการถลุงธาตุสังกะสี ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมหลายประเภท
ความหมาย ในศาสตร์คริสตัล สฟาเลอไรต์มีพลังในการกระตุ้นและปกป้อง เชื่อกันว่าจะช่วยเพิ่มพลังชีวิต และกระตุ้นความกระตือรือร้น ส่งเสริมความชัดเจนทางความคิด และการตัดสินใจ ปรับสมดุลจักระ Root และ Sacral ช่วยให้มีสติและอยู่กับปัจจุบัน เสริมพลังในการดึงดูดสิ่งที่ต้องการ โดยผสานตรรกะและสัญชาตญาณ ป้องกันความเหนื่อยล้า และภาวะทำงานเกินกำลัง ชนิดสีส้มแดงเพลิง มีพลังโดดเด่นในการกระตุ้นแรงบันดาลใจและความตั้งใจ
หมายเหตุ: คุณสมบัติเหล่านี้เป็นความเชื่อในวงการคริสตัลบำบัด ยังไม่มีการรับรองทางการแพทย์
วิธีทำความสะอาดและดูแล ควรใช้เพียงผ้าแห้ง หรือแปรงพู่กันขนนุ่ม หลีกเลี่ยงน้ำสบู่ สารเคมี ความร้อน แสงแดด และเครื่องล้างแบบอัลตราโซนิก
การเก็บรักษา: เก็บแยกในกล่องบุผ้านุ่ม แห้ง เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
การชำระล้างพลังงาน: ใช้แสงจันทร์ เสียง (ชามทิเบต/กระดิ่ง) หรือการรมควัน หลีกเลี่ยงการแช่น้ำ
สรุป
สฟาเลอไรต์เป็นสินแร่สังกะสีที่สำคัญที่สุด มีความโดดเด่นด้านความแวววาวและสีสันที่หลากหลาย ตั้งแต่สีเหลือง แดง น้ำตาล เขียว ไปจนถึงดำ แม้จะนิยมใช้ในอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่แบบเนื้อใสคุณภาพอัญมณีก็ได้รับความนิยมจากนักสะสม และยังมีความหมายทางพลังงานในการเสริมความมั่นคงและเพิ่มพลังชีวิตอีกด้วยนะคะ
References:
*ข้อมูลอาจมีการอัพเดทเพิ่มเติมในอนาคต
สฟาเลอไรต์ ทั้งหมดของเรา
Natural Druzy Sphalerite
No.1 : 5.2 x 4.9 cm, 68g (240 บาท)
No.2 : 5.9 x 3.3 cm, 86g (270 บาท)
No.4 : 7.9 x 5.6 cm, 105g (290 บาท)
No.5 : 5.7 x 5.2 cm, 107g (300 บาท)
No.7 : 8.5 x 5.0 cm, 121g (320 บาท)
Natural Druzy Sphalerite
No.8 : 7.5 x 5.1 cm, 159g (370 บาท)
No.9 : 8.9 x 5.5 cm, 314g (580 บาท)
No.10 : 7.5 x 6.5 cm, 209g (440 บาท)
No.11 : 6.7 x 7.3 cm, 190g (420 บาท)
No.12 : 11.8 x 8.0 cm, 503g (850 บาท)